GemSaviourGiant

ดิโอโก้ โชต้า ทำประตูชัย ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ด้วยสกอร์ 1-0 ผ่านเข้ารอบ รองชนะเลิศ ไปพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกเอฟเอ คัพ อังกฤษ

การแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 8 ทีมสุดท้าย วันที่ 20 มีนาคม 2565 เจ้าป่า น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรสต์ เปิดสนาม ซิตี้ กราวด์ รับการมาเยือนของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล

ฝั่งของเจ้าบ้าน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ นำทัพโดย สตีเฟน คูเปอร์ ผู้จัดการทีมของทาง เจ้าป่า วางแผนรับมือมาในระบบ 4-2-3-1 โดยจะมี ผู้รักษาประตู อีธาน ฮอร์วาธ กองหลังเป็น  แจ็ค โคลแบ็ค,โทเบียส ฟิเกเรโด, โจ วอร์รัลล์ และ ดีเจด สเปนซ์  กองกลาง 2 คน คือ เจมส์ การ์เนอร์ และ ไรอัน เยตส์ กองหน้าจะมี เบรนนัน จอห์นสัน, ฟิลิป ซิงค์เกอร์นาเกิล และโจ ลอลลีย์  คอยประสานกันในแนวรุก โดยมีหน้าเป้าเป็น คีแนน เดวิส

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีม บุกไปในระบบ 4-3-3 เหมือนเดิม โดยมีนักเตะลงสนามดังนี้ อลีสสัน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตู  กองหลัง 4 คน คอนสแตนดินอส ซิมิกาส,เวอร์จิล ฟาน ไดต์ค ,อีบราอีมา โกนาเต และโจ โกเมซ  กองกลางก็จะเป็น ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, ฟาบินโญ่ และ นาบี เกอีตา ส่วนสามประสานในแดนหน้าเป็น ดิโอโก้ โชต้า , โรแบร์ตู ฟีร์มีโน่ และ อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน

เริ่มเกมในช่วงครึ่งเวลาแรก ในช่วงแรกของการลงสนาม ทั้งสองทีมยังเล่นเกมรับและเกมรุกได้ดีทั้งสองทีม

มาถึงในช่วงนาทีที่ 14 ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้ลุ้นทำประตูขึ้นนำก่อน จากจังหวะ ที่ โรแบร์ตู ฟีร์มีโน่ ได้โอกาสตั้งบอลเข้าใน ไปยังหน้ากรอบเขตโทษ ให้ คอนสแตนดินอส ซิมิกาส วอลเลย์บอลแบบเน้นๆ แต่บอลพุ่งเฉียดเสาออกหลังประตูไป เรียกว่าพลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดาย

ถัดมาไม่นาน ลิเวอร์พูล มาได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกเตะมุม ในนาทีที่ 16 เมื่อ อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน เปิดบอลมาให้ ฟาบินโญ่ ที่ยืนอยู่ในเขตโทษ ได้จังหวะยิง แต่บอลก็พุ่งไปไม่ตรงกรอบ

ต่อมานาทีที่ 28 เป็นการได้ลุ้นประตูอีกครั้งของทาง ลิเวอร์พูล เมื่อนักเตะของลิเวอร์พูล สามารถตัดบอลมาได้ และไหลต่อมาให้ อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน ที่ไหลบอลต่อไปให้กับทาง โรแบร์ตู ฟีร์มีโน่ ที่ฉวยโอกาสหลุดเดี่ยวขึ้นมาหน้าประตูของ ฟอเรสต์ ได้ แต่จังหวะแทงบอลเข้าประตู บอลพุ่งไปติดเซฟของทาง อีธาน ฮอร์วาธ ผู้รักษาประตูของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ บอลเด้งออกมาเข้าซ้ำอีกรอบแต่ไม่เต็มเท้า จนโดนเคลียร์บอลทิ้งออกมาได้ทัน

มาสู่ท้ายของ 45 นาทีแรก ในนาทีที่ 43 ก็ยังเป็นทาง ลิเวอร์พูล ที่มีจังหวะลุ้น เมื่อ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ใช้ความพยายามเกี่ยวบอลที่กำลังจะหลุดออกหลัง มาให้ทาง โจ โกเมซ ที่จับบอลแล้วเลี้ยงบอลมาในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะวอลเลย์แต่บอลลอยโด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

จบเกมในครึ่งแรก ยังทำประตูกันไม่ได้ เสมอกันไป 0-0

ลงสนามมาสู่ช่วงครึ่งหลัง นาทีที่ 54 ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตู เมื่อ นาบี เกอีตา จ่ายบอลมาให้ อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน ได้โอกาสยิงแต่บอลไปแฉลบผู้เล่นของฟอเรสต์ ก่อนที่ทาง อีธาน ฮอร์วาธ นายทวารของฟอเรสต์จะรับบอลเอาไว้ได้

มาในนาทีที่ 64 เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ของลิเวอร์พูล ขอให้สิทธิเปลี่ยนตัวผู้เล่นเพื่อปรับเกมของทางหงส์แดง ถึง 4 คนด้วยกัน โดยส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , หลุยส์ ดิอาซ,เตียโก อัลกันตารา และ ทาคุมิ มินามิโนะ ลงสนามมาแทน นาบี เกอิตา, อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน,ฟาบินโญ่ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์

นาที 76 เป็นโอกาสของเจ้าบ้าน ฟอเรสต์ เมื่อ เบรนนัน จอห์นสัน ได้โอกาสหลุดขึ้นไปทางขวา แล้วส่งบอลต่อไปให้กับ ฟิลิป ซิงค์เกอร์นาเกิล ที่ได้จังหวะแปบอลแบบโล่งๆ แต่บอลพุ่งไปโดนเสาหลุดออกหลังไปแบบน่าเสียดาย

ถัดมาในนาที 78 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ เมื่อ ซิมิกาส ส่งบอลโด่งมาให้ ดิโอโก้ โชต้า โฉบเข้ามาจิ้มบอลเข้าประตูไป ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0

ในนาทีที่ 86 อลีสสัน เบ็คเกอร์ ออกมาตัดบอลจน ไรอัน เยตส์ กองหน้าของฟอเรสต์ ล้มลงในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะมีการตรวจสอบ VAR และผู้ตัดสินก็ไม่ให้เป็นจุดโทษแต่อย่างใด

จบเกม หงส์แดง ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ไปได้ 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้าย แต่ยังคงอยู่บนเส้นทางลุ้น 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ต่อไป โดยรอบต่อไป ลิเวอร์พูล จะต้องไปพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เอาชนะ เซาแธมป์ตัน มาได้